เราได้เคยทำเนื้อหาแนะนำเกี่ยวกับการใช้งาน WebView ไปแล้ว
ในบทความตอนแรกๆ ซึ่งเป็นการใช้งาน plugin ที่ชื่อว่า webview_flutter
โดยสามารถปรับแต่ง และใช้งานได้ดีในระดับที่น่าพอใจ แต่อย่างไรก็ดี
ก็ยังมีส่วนที่ไม่สามารถจัดการได้ เช่น การเล่นวิดีโอแบบเต็มหน้าจอ รวมถึง
การปรับแต่งที่มากกว่า ซึ่งสำหรับในบางรูปแบบเราอาจจะจำเป็นต้องใช้ความ
สามารถนั้น ดังนั้น เราจึงจะมาแนะนำตัว plugin อีกตัว ที่มีความสามารถเหนือกว่า
และปรับแต่งได้มากกว่า แต่ก็จะมาพร้อมกับความยุ่งยากในการปรับแต่งอยู่บ้าง
ถ้าเทียบกับตัวเดิม ในที่นี้เราจะแนะนำ flutter_inappwebview ที่รองรับการ
แสดงวิดีโอแบบเต็มหน้าจอได้
ทบทวนเกี่ยวกับ WebView จากบทความก่อนหน้าได้ที่
การใช้งาน WebView แสดงเว็บไซต์ ใน Flutter http://niik.in/1043
ติดตั้ง package ที่จำเป็นเพิ่มเติม ตามรายการด้านล่าง
แพ็กเก็จที่จำเป็นต้องติดตั้งเพิ่มเติม สำหรับการทำงานมีดังนี้
url_launcher: ^6.3.0 flutter_inappwebview: ^6.1.3
การตั้งค่าต่างๆ และเวอร์ชั่นของ flutter และ dart ที่รองรับ ดูได้ที่เว็บไซต์ของ plugin
หรือทบทวนจากบทความก่อนหน้าเกี่ยวกับการใช้งาน WebView
เปิดเว็บไซต์ภายในแอปด้วย InappWebview
เนื้อหานี้ เราจะมาประยุกต๋การใช้งาน โดยจะแสดงคำอธิบายไว้ในโค้ดตัวอย่าง ความสามารถที่ตัว
plugin เดิมทำได้ เราก็จะนำมาประยุกต์ให้ใช้งานได้ใน plugin ตัวนี้ นั่นคือให้ทำได้ดีกว่าเดิมถ้า
เป็นได้ แต่ที่ทดสอบดูจะมีบางจุด เช่น การแทรก css และ javascript อาจจะไม่เร็วเท่า plugin
ตัวเดิม แต่ก็สามารถประยุกต์ได้
เราจะทำหน้าที่โหลดเว็บไซต์แบบเต็มหน้า และมีปุ่มควบคุม เช่น การโหลดซ้ำ การย้อนกลับ การ
ไปหน้าถัดไป หรือการกลับไปหน้าเริ่มต้น เราทำเป็นปุ่มไว้ส่วนบนไว้ใช้งาน
ไฟล์ inappwebview.dart
import 'dart:collection'; import 'package:flutter/foundation.dart'; import 'package:flutter/material.dart'; import 'package:flutter_inappwebview/flutter_inappwebview.dart'; import 'package:url_launcher/url_launcher.dart'; class InappWeb extends StatefulWidget { static const routeName = '/inappweb'; const InappWeb({Key? key}) : super(key: key); @override State<StatefulWidget> createState() { return _InappWebState(); } } class _InappWebState extends State<InappWeb> { // กำหนด key สำหรับ InAppWebView กรณีต้องการไม่ให้ซ้ำหรืออ้างอิง final GlobalKey webViewKey = GlobalKey(); // ตัวควบคุม webview InAppWebViewController? webViewController; // กำหนดการต้้งค่าเริ่มต้นต่างๆ InAppWebViewSettings settings = InAppWebViewSettings( isInspectable: kDebugMode, // รองรับการตรวจสอบ (inspect) ค่า true หรือ false mediaPlaybackRequiresUserGesture: false, // ผู้ใช้ต้องกดเพื่อเล่น หรือเล่นอัตโนมัติ allowsInlineMediaPlayback: true, // ให้เล่นมีเดียแบบ inline iframeAllow: "camera; microphone", // iframe สามารถขอเข้าถึงกล้องและไมโครโฟน iframeAllowFullscreen: true // ให้ iframe แสดงผลแบบเต็มหน้าจอ ); // ส่วนสำหรับควบคุมการปัดลงเพื่อรีเฟรช หรือ Pull to refresh PullToRefreshController? pullToRefreshController; // กำกนดตัวเก็บค่าสถานะการโหลดข้อมูล final ValueNotifier<double> _progressNotifier = ValueNotifier<double>(0); // กำหนดค่าเริ่มต้นเป็น false สถานะการเลื่อนในเมนู ว่าไปหน้าเพจก่อนหน้า ไปหน้าถัดไป final ValueNotifier<bool> _canGoBack = ValueNotifier<bool>(false); final ValueNotifier<bool> _canGoForward = ValueNotifier<bool>(false); // ส่วนสำหรับกำหนดเมนูคลิกขวา หรือ การกดค้างแล้วแสดงเมนู late ContextMenu contextMenu; String url = ""; // สำหรับเก็บ url double progress = 0; // สถานะการโหลด // สำหรับเก็บค่า ข้อความ อาจจะใช้เก็บ url ได้ final urlController = TextEditingController(); @override void initState() { super.initState(); // ตั้งค่าเิริ่มต้นเมื่อใช้งาน สำหรับการสร้างปุมเมนู กำหนดเอง // ในที่นี้เพิมแค่เมนูเดียวเป็นตัวอย่าง ชื่อว่าเมนู Special contextMenu = ContextMenu( menuItems: [ ContextMenuItem( id: 1, title: "Special", action: () async { // กำหนด คำสั่งตามต้องการ ถ้าเลือกเมนูนี้ // ในตัวอย่าง แสดงข้อความที่เลือก ถ้ามี จากนั้นให้ปล่อยการโฟกัส print("xdebug: Menu item Special clicked!"); print("xdebug: ${await webViewController?.getSelectedText()}"); await webViewController?.clearFocus(); }) ], // ซ่อนเมนูของรบบหรือไม่ ถ้า true จะไม่แสดงเมนูอื่นๆ เช่น เมนูคัดลอก จะแสดงแค่เมนูที่เราสร้างขึ้น settings: ContextMenuSettings(hideDefaultSystemContextMenuItems: true), // คำสั่งเมื่อกดค้าง เพื่อแสดงเมนู ทำงานทันทีที่เรียกใช้ onCreateContextMenu: (hitTestResult) async { print("xdebug: onCreateContextMenu"); print("xdebug: ${hitTestResult.extra}"); print("xdebug: ${await webViewController?.getSelectedText()}"); }, // เมื่อยกเลิกการเลือก หรือเมนูที่ขึ้นแสดง ซ่อนไป onHideContextMenu: () { print("xdebug: onHideContextMenu"); }, // เมื่อคลิกที่เมนู ที่แสดงขื้นมา onContextMenuActionItemClicked: (contextMenuItemClicked) async { var id = contextMenuItemClicked.id; print("xdebug: onContextMenuActionItemClicked: " + id.toString() + " " + contextMenuItemClicked.title); }); // ส่วนของการตั้งค่าการกดปัดลงเพื่อรีเฟรช // ตรวจสอบให้ทำงานถ้าเป็น platform ที่รองรับ pullToRefreshController = kIsWeb || ![TargetPlatform.iOS, TargetPlatform.android] .contains(defaultTargetPlatform) ? null // ถ้าไม่รองรับ ไม่ต้องแสดงอะไร : PullToRefreshController( // ถ้ารองรับก็ใช้งาน PullToRefreshController widget settings: PullToRefreshSettings( color: Colors.blue, ), onRefresh: () async { if (defaultTargetPlatform == TargetPlatform.android) { webViewController?.reload(); } else if (defaultTargetPlatform == TargetPlatform.iOS) { webViewController?.loadUrl( urlRequest: URLRequest(url: await webViewController?.getUrl())); } }, ); } // ฟังก์ชั่นสำหรับเรียกใช้งานการแทรก CSS และ JavaScript void _injectCSSAndJavaScript() async { print("xdebug: inject css run"); if (webViewController != null) { print("xdebug: inject css run and controller work"); // ข้อความ css code String css = """ .header-layout-side.morenews-header, #secondary, .af-breadcrumbs, footer.site-footer { display:none; } """; // ข้อความ javascript code String script = """ var style = document.createElement('style'); style.type = 'text/css'; style.appendChild(document.createTextNode(`$css`)); document.head.appendChild(style); """; // ตัวอย่างการแทรก JavaScript (Inject JavaScript) await webViewController!.evaluateJavascript(source: script); // ตัวอย่างถ้าต้องการแทรก css (Inject CSS) /* await webViewController!.injectCSSCode(source: """ .header-layout-side.morenews-header, #secondary, .af-breadcrumbs, footer.site-footer { display:none; } """); */ } } // การยกเลิกและล้างค่าต่างๆ เมื่อได้ใช้งาน เพื่อคืนหน่วยความจำ @override void dispose() { //pullToRefreshController!.dispose(); _progressNotifier.dispose(); urlController.dispose(); _canGoBack.dispose(); _canGoForward.dispose(); super.dispose(); } @override Widget build(BuildContext context) { // รับค่า url ที่ส่งมาใน arguments // const url = ModalRoute.of(context)!.settings.arguments as String; // กำหนด url เริมต้น const url = "https://www.ninenik.com"; // เก็บ url ไว้จัดการ ถ้าต้องการควบคุมผ่าน TextEditingController urlController.text = url; return Scaffold( appBar: AppBar( backgroundColor: Color.fromRGBO(64, 64, 64, 1), foregroundColor: Colors.white, title: Text( 'Tiktok', style: TextStyle(color: Colors.white), ), actions: <Widget>[ // ส่วนของเมนูควบคุมการท่องเว็บ สร้างมาจาก อีก คลาส // เพื่อจะได้จัดการง่าย ส่งคาที่จำเป็นไปตามรูปแบบที่กำหนด NavigationControls( controller: webViewController, canGoBack: _canGoBack, canGoForward: _canGoForward, initialUrl: url, ), ], ), body: SafeArea( // ใช้ให้แสดงเฉพาะส่วนที่ไม่เกี่ยวกับแถบสถานะแบตด้านบน child: Column(children: <Widget>[ Expanded( child: Stack( // จัดเรียงแบบซ้อนทับด้วย Stack children: [ // ส่วนของการแสดง webview อยู่ล่างสุด InAppWebView( key: webViewKey, initialUrlRequest: URLRequest(url: WebUri(url)), // เรียก url เริ่มต้น // ส่วนเรียกให้ทำงานก่อน เมื่อมีการ render เฟรมแรก onPageCommitVisible: (controller, url) async { // ในที่นี้เราเอาไว้แทรก css และ javascript _injectCSSAndJavaScript(); }, // การแทรกสริปเมื่อเริ่มค้น โดยไว้กำหนด script ที่ไม่ให้แก้ไขได้ ในที่นี้เป้นค่าว่าง initialUserScripts: UnmodifiableListView<UserScript>([]), initialSettings: settings, // ใช้การตั้งค่าที่กำหนดด้านบน contextMenu: contextMenu, // ส่วนแสดงเมนูคลิกขวา หรือกดค้าง pullToRefreshController: pullToRefreshController, // pull to refresh onWebViewCreated: (controller) async { // เมื่อเริ่มการสร้าง webview กำหนดค่า controller ไว้ใช้งาน webViewController = controller; }, onLoadStart: (controller, url) async { // เมื่อเริ่มโหลดหน้าเว็บ _progressNotifier.value = 0; // สถานะการโหลด setState(() { // กำหนดค่าเริมต้นต่างๆ this.url = url.toString(); urlController.text = this.url; }); }, // เมื่อเว็บไซต์นั้นๆ ร้องขอสิทธิ์การเข้าถึงส่วนต่างๆ onPermissionRequest: (controller, request) async { return PermissionResponse( resources: request.resources, action: PermissionResponseAction.GRANT); }, // การทำงานเมื่อมีการกดลิ้งค์ในเว็บไซต์ shouldOverrideUrlLoading: (controller, navigationAction) async { // ตรวจสอบค่าจาก url var uri = navigationAction.request.url!; // ถ้าไม่ใช่ค่าตามที่ระบบไว้ ให้เรียกใช้ฟังก์ชั่นการเปิดจาก url_launcher if (![ "http", "https", "file", "chrome", "data", "javascript", "about" ].contains(uri.scheme)) { // เปลี่ยนลิ้งค์ เป็น url ที่สามารถเข้าได้ เช่น intent:// เปลี่ยนเป็น https:// String newUrl = ''; newUrl = uri.toString().replaceFirst('${uri.scheme}://', 'https://'); // แปลงเป็น https URL print("xdebug: not in allow ${newUrl}"); WebUri newUri = WebUri(newUrl); if (await canLaunchUrl(newUri)) { // เปิดจากแอป หรือส่วนอื่นที่ผ่านหน้าเว็บ await launchUrl( newUri, ); // ถ้าไม่สามาถเปิดผ่านส่วนจัดการใดๆ ได้ return NavigationActionPolicy.CANCEL; } } // กรณีเป็น url ตามลิสรายการที่กำหนด ให้อนุญาตเข้าใช้งานได้ return NavigationActionPolicy.ALLOW; }, // เมื่อโหลดหน้าเพจเสร็จ onLoadStop: (controller, url) async { // หยุดการทำงานส่วนควบคุม pull to refresh pullToRefreshController?.endRefreshing(); // เก็บค่าสถานะการลิ้งค์ไปหน้าต่างๆ ว่าทำได้หรือม่ _canGoBack.value = await webViewController?.canGoBack() ?? false; _canGoForward.value = await webViewController?.canGoForward() ?? false; setState(() { this.url = url.toString(); urlController.text = this.url; }); }, // กรณีการโหลดเกิด error onReceivedError: (controller, request, error) { pullToRefreshController?.endRefreshing(); }, // การดำเนินการระหว่างกำลังโหลดหน้าเพจ onProgressChanged: (controller, progress) { // เมื่อโหลดเสร็จ 100 % if (progress == 100) { pullToRefreshController?.endRefreshing(); } // ในระหว่างการโหลด เก็บค่า percent ไว้แสดง _progressNotifier.value = progress / 100; setState(() { this.progress = progress / 100; urlController.text = this.url; }); }, // เมื่อมีการรีโหลดหน้านั้นๆ onUpdateVisitedHistory: (controller, url, isReload) { setState(() { this.url = url.toString(); urlController.text = this.url; }); }, // เมื่อมีการแสดงข้อความจาก console.log onConsoleMessage: (controller, consoleMessage) { print(consoleMessage); }, ), // ส่วนของการแสดงสถานะขณะกำลังโหลด // ส่วนนี้จะซ้อนอยู่ด้านบนก่อนที่เว็บจะโหลดเสร็จก็จะหายไป ValueListenableBuilder<double>( valueListenable: _progressNotifier, builder: (context, progress, child) { if (progress == 1.0) { return SizedBox .shrink(); // ไม่แสดงอะไรเมื่อโหลดเสร็จ } else { // ขณะกำลังโหลด เราสามารถสร้างตัวคลุมไม่ให้เห็นส่วนของเว็บกำลังโหลดได้ // อย่างในที่นี้ เราสร้างตัวคลุมพื้นหลังสีขาว กั้นไว้ ให้ css หรือ javascript ทำงาน // ถ้าอยากให้เห็นหน้าเพจกำลังโหลด สามารถกำหนดสีพ้ืนหลังเป็น Colors.transparent return Container( width: double.infinity, // Full width height: double.infinity, // Full height color: Colors.white, // White background child: Center( child: Column( mainAxisAlignment: MainAxisAlignment.center, children: [ CircularProgressIndicator( color: Color.fromRGBO(64, 64, 64, 1), value: progress, ), SizedBox(height: 10), Text('${(progress * 100).round()}%'), ], ), ), ); } }, ) ], ), ), ]))); } } // สร้าง widget สำหรับทำปุ่มควบคุม เช่น ก่อนหน้า ย้อนหลัง รีเฟรช class NavigationControls extends StatelessWidget { // กำหนด class constructor รับค่าที่จำเป็น const NavigationControls({ required this.controller, required this.canGoBack, required this.canGoForward, required this.initialUrl, Key? key, }) : super(key: key); // กำหนดตัวแปรที่เกี่ยวข้อง /* ValueNotifier เป็นชนิดข้อมูลใน Flutter ซึ่งเป็น subclass ของ ChangeNotifier ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลและแจ้งเตือนผู้ฟัง (listeners) เมื่อค่าของข้อมูลเปลี่ยนแปลง ชนิดข้อมูลนี้มีประโยชน์ในการจัดการสถานะ (state) อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้ state management library ที่ซับซ้อน เช่น Provider หรือ Bloc */ final InAppWebViewController? controller; final ValueNotifier<bool> canGoBack; final ValueNotifier<bool> canGoForward; final String initialUrl; /* ValueListenableBuilder เป็น widget ที่ใช้ในการสร้าง UI ที่ฟังการเปลี่ยนแปลงค่าของ ValueNotifier และทำการ rebuild UI เมื่อค่าของ ValueNotifier มีการเปลี่ยนแปลง */ @override Widget build(BuildContext context) { return Row( children: <Widget>[ ValueListenableBuilder<bool>( valueListenable: canGoBack, builder: (context, value, child) { return IconButton( icon: Icon( Icons.home, color: value ? Colors.white : Colors.white60, ), onPressed: value ? () => controller?.loadUrl( urlRequest: URLRequest(url: WebUri(initialUrl))) : null, ); }, ), ValueListenableBuilder<bool>( valueListenable: canGoBack, builder: (context, value, child) { return IconButton( icon: Icon( Icons.arrow_back, color: value ? Colors.white : Colors.white60, ), onPressed: value ? () => controller?.goBack() : null, ); }, ), ValueListenableBuilder<bool>( valueListenable: canGoForward, builder: (context, value, child) { return IconButton( icon: Icon( Icons.arrow_forward, color: value ? Colors.white : Colors.white60, ), onPressed: value ? () => controller?.goForward() : null, ); }, ), IconButton( icon: const Icon(Icons.refresh), onPressed: () => controller?.reload(), ), ], ); } }
ผลลัพธ์ที่ได้
ตัวอย่างโค้ดนี้สามารถนำไปประยุกต์ปรับแต่งใช้งานได้เลย คำอธิบายแสดงในโค้ด รองรับการแสดงวิดีโอ
แบบเต็มหน้าจอ ทดสอบโดยการลิ้งค์ไปยังหน้ายูทูป แล้วเล่นวิดีโอที่ต้องการ แล้วเปิดแบบเต็มหน้าจอ
ซึ่งความสามารถนี้ ไม่สามารถทำได้ ถ้าใช้ webview_flutter
หวังว่าเนื้อหานี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย บทความหน้าจะเป็นอะไร รอติดตาม